โพสต์ลง 20 มีนาคม 2568 โดย คีนน์

สารเคมีในการล้างผักและผลไม้ในโรงงานแปรรูปอาหาร
ในอุตสาหกรรมแปรรูปผักและผลไม้ การล้างวัตถุดิบก่อนเข้าสู่กระบวนการผลิตเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยลดการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ สารเคมีตกค้าง และสิ่งสกปรกต่างๆ QA (Quality Assurance) มีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลให้กระบวนการล้างเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยทางอาหาร (Food Safety Standards) เพื่อป้องกันการปนเปื้อนและลดความเสี่ยงจากการใช้สารเคมีที่ไม่เหมาะสม
ประเภทของสารเคมีที่ใช้ในโรงงานแปรรูปผักและผลไม้
- คลอรีนและสารประกอบคลอรีน (Chlorine-Based Compounds) ใช้เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ยีสต์ และไวรัส เช่นโซเดียมไฮโปคลอไรท์ (Sodium Hypochlorite) หรือ คลอรีนไดออกไซด์ (Chlorine Dioxide)
ควรตรวจสอบ:
✅ ความเข้มข้นของสารที่ใช้ต้องอยู่ในช่วง 50-200 ppm ตามมาตรฐานของ FDA หรือ Codex
✅ ค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ของน้ำล้างควรอยู่ระหว่าง 6.0-7.5 เพื่อให้คลอรีนทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
✅ ต้องมีขั้นตอนล้างน้ำสะอาดหลังจากใช้คลอรีน เพื่อลดสารตกค้างให้เข้มงวด
- โอโซน (Ozone, O3) ใช้เพื่อกำจัดเชื้อจุลินทรีย์และสารเคมีตกค้างโดยไม่ทิ้งสารตกค้าง
ควรตรวจสอบ:
✅ ควบคุมความเข้มข้นของโอโซนให้อยู่ที่ 0.5-2.0 ppm
✅ ต้องใช้ในระบบปิดหรือบริเวณที่มีการระบายอากาศที่ดี เนื่องจากโอโซนในระดับสูงอาจเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ
- กรดเปอร์อะซิติก (Peracetic Acid, PAA) ใช้เพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรีย รา และจุลินทรีย์
ควรตรวจสอบ:
✅ ควบคุมความเข้มข้นของ PAA ไม่เกิน 80 ppm ตามมาตรฐานของ USDA
✅ ตรวจสอบอัตราการย่อยสลายของสาร เพื่อไม่ให้ตกค้างในน้ำเสีย
- สารทำความสะอาดจากธรรมชาติ เช่น กรดซิตริก (Citric Acid) และเอนไซม์ชีวภาพ ใช้เพื่อลดการสะสมของแร่ธาตุและเพิ่มประสิทธิภาพในการล้าง
ควรตรวจสอบ:
✅ ใช้ร่วมกับการแช่น้ำสะอาดหรือระบบกรองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
✅ ทดสอบความสามารถในการขจัดจุลินทรีย์ โดยเปรียบเทียบกับสารฆ่าเชื้อชนิดอื่น
-
BLOG2025-01B
-
BLOG2025-01C
นอกจากนั้นการล้าง ยังจำแนกวิธีตามประเภทของผัก หรือผลไม้นั้นๆ บริษัทผู้ผลิตจำเป็นต้องเข้าใจและเลือกวิธีการล้างที่ใช้ในโรงงานแปรรูปผักและผลไม้ให้เหมาะสม เพื่อลดการสะสมของเคมีตกค้าง การปนเปื้อนเชื้อโรค วิธีการล้างจำแนกได้ 4 แบบ ดังนี้
- การแช่ในสารละลายฆ่าเชื้อ (Soaking Method) – ใช้ในผักและผลไม้ที่มีเปลือกแข็ง เช่น มะม่วง ฝรั่ง
- การพ่นน้ำแรงดันสูง (High-Pressure Spray Washing) – ใช้สำหรับผักใบ เช่น ผักกาดหอม เพื่อขจัดเศษดินและสิ่งปนเปื้อน
- การล้างด้วยระบบอัลตราโซนิก (Ultrasonic Cleaning) – ใช้คลื่นเสียงช่วยขจัดจุลินทรีย์ที่ติดแน่น
- การล้างด้วยโอโซน (Ozonated Water System) – ใช้สำหรับผักที่บอบบาง เช่น สตรอว์เบอร์รี
ข้อควรระวังในการควบคุมการใช้สารล้างผักและผลไม้
ต้องคำนึงทั้งการตกค้างบนวัตถุดิบ ผู้ปฏิบัติงาน ผู้ที่เกี่ยวข้องให้เกิดภาวะแห่งความปลอดภัยขั้นสูง การป้องกันอย่างถูกต้อง
- การควบคุมปริมาณสารตกค้าง
🔍 ทดสอบสารตกค้าง (Residue Testing) – ใช้ชุดทดสอบทางเคมีหรือเครื่องมือเช่น HPLC เพื่อตรวจสอบว่ามีสารตกค้างเกินค่ามาตรฐานหรือไม่
🔍 กำหนดระยะเวลาการแช่ (Contact Time Control) – ควบคุมเวลาให้เหมาะสม เพราะการแช่นานเกินไปอาจทำให้ผักและผลไม้เสื่อมสภาพ
- การตรวจสอบคุณภาพน้ำที่ใช้ล้าง
✅ ควรมีระบบกรองน้ำ เช่น Reverse Osmosis (RO) หรือ UV Sterilization เพื่อลดการปนเปื้อนของจุลินทรีย์
✅ ตรวจสอบค่าคลอรีนตกค้าง หลังจากล้าง ค่าที่เหมาะสมไม่ควรเกิน 0.5 ppm
- การป้องกันอันตรายต่อพนักงาน
⚠️ ควรมี PPE (อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล) เช่น ถุงมือ หน้ากากกันไอระเหย และแว่นตานิรภัย
⚠️ จัดทำ SOP (Standard Operating Procedure) เพื่อให้พนักงานปฏิบัติตามแนวทางที่ปลอดภัย
- การป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
♻️ ติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสีย เพื่อกรองสารเคมีตกค้างก่อนปล่อยลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ
♻️ เลือกใช้สารชีวภาพหรือสารทำความสะอาดจากธรรมชาติ เพื่อช่วยลดสารเคมีที่อาจเป็นอันตราย
การควบคุมกระบวนการล้างผักและผลไม้ ไม่เพียงแต่ต้องตรวจสอบให้มั่นใจว่าสารเคมีหรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้มีประสิทธิภาพ ต้องควบคุมไม่ให้มีสารตกค้างเกินค่ามาตรฐาน และดูแลให้กระบวนการล้างเป็นไปตามแนวทางที่ปลอดภัยสำหรับพนักงานและสิ่งแวดล้อม
ควรให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่นำมาใช้ในการล้างผัก ผลไม้ ซึ่งเป็นวัตถุดิบส่วนหนึ่งในการผลิต มีสารประกอบที่ได้รับการรับรองอย่างถูกต้องจาก องค์การอาหารและยา นอกจากนั้น ผลิตภัณฑ์ต้องมีสารประกอบที่มีคุณภาพ มาพร้อมความปลอดภัย ผลิตภัณฑ์ K501, KF501 ถูกออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อ แบคทีเรีย เชื้อรา ลดการตกค้างของยาฆ่าแมลงที่อาจปะปนมาในวัตถุดิบ นวัตกรรมอนุภาคซูเปอร์ออกไซด์อิออน หนึ่งในนวัตกรรมผสานระหว่าง Hydrogen Peroxide และ Acetic Acid ทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงต่อการสลายอนุภาค ไม่เพียงแต่ฆ่าเชื้อโรค ด้วยนวัตกรรไบโอเทคจากคีนน์ จึงทำให้สารประกอบมีประสิทธิภาพสูง กำจัดยาฆ่าแมลงที่ตกค้าง ที่ไม่ทิ้งภาระต่อสิ่งแวดล้อม ยกระดับมาตรฐานการผลิตอาหารที่ปลอดภัยสอดคล้องกับมาตรฐาน GHP